วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขนมปัง

ขนมปัง เป็นอาหารที่ทำจากแป้งสาลีที่ผสมกับน้ำและยีส หรือ ผงฟู นอกจากนี้ยังมีการใช้ส่วนผสมอื่นๆเพื่อแต่งสี รสชาติและกลิ่น แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของขนมปัง และ แต่ละประเทศที่ทำ โดยนำส่วนผสมมาตีให้เข้ากันและนำไปอบ ขนมปังมีหลายประเภท เช่น ขนมปังฝรั่งเศส ขนมปังแซนด์วิช ขนมปังหวาน ขนมปังไรน์ หรือแม้กระทั่ง เพรทเซล (Pretzel) ของขึ้นชื่อประเทศเยอรมนี เป็นต้น
ขนมปังนั้นสามารถทานได้เลย แต่โดยปกติจะทานกับเนย เนยถั่ว แยม เยลลี่ แยมส้ม น้ำผึ้ง หรือทำเป็นแซนด์วิช ขนมปังนั้นสามารถนำไปอบหรือปิ้งได้ และจะเสิร์ฟร้อนหรือเย็นก็ได้

 

 

ส่วนผสมที่สำคัญ

ส่วนผสมที่สำคัญของขนมปังมีดังนี้
ข้าวสาลี 
ขนมปังเกิดจากโปรตีนของแป้งสาลีที่มีชื่อว่า กลูเตน โปรตีนชนิดนี้มีอยู่สูงในข้าวสาลี ในขณะที่ข้าวจ้าวที่คนไทยรับประทานในทุกวันมีกลูเตนอยู่น้อยมาก นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม ข้าวเจ้าจึงไม่สามารถนำมาทำขนมปังได้
ยีสต์ 
ยีสต์จะถูกเติมลงไปในขนมปังเพื่อให้ขนมปังพองฟู เพราะยีสต์จะกินน้ำตาลที่อยู่ในแป้งและผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทำให้ขนมปังมีรูปร่างเป็นก้อน ยีสต์ที่ใช้ในการทำขนมปังมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบสด และ แบบผงเป็นต้น การใช้ยีสต์ที่ถูกต้องจะต้องทำการปลุกยีสต์เสียก่อน โดยการละลายน้ำในอุณหภูมิประมาณ 38 องซาเซลเซียส การใช้ยีสต์จึงทำได้ยากกว่า แต่ให้ผลดีที่จะให้เนื้อขนมปังและรสชาติดีกว่าการใช้ผงฟู ยีสต์ที่ใช้โดยทั่วไป คือ Saccharomyces cerevisiae
ผงฟู 
ผงพูคือ โซเดียมไบคาร์บอร์เนต ถูกใช้ในการทำขนมปังเพื่อแทนการใช้ยีสต์ เพราะเมื่อผงฟูผสมกับน้ำก็จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่นเดียวกับที่ยีสต์ทำ แต่จะมีผลข้างเคียงคือ หากใส่มากเกิดไปจะทำให้มีรสชาติเฝื่อนขม และ การฟูของขนมปังก็จะหยาบกว่าการใช้ยีสต์ แต่ข้อดีคือ ใช้ได้ง่ายกว่า และก็เก็บรักษาได้นานกว่ากัน ผงฟูมีด้วยกันสองสูตรคือ สูตรหนึ่ง คือ ผงฟูที่จะปล่อยก๊าซออกมาครั้งเดียวทั้งหมดตอนที่เราผสมเข้ากับเนื้อขนมปัง สูตรสอง คือ ผงฟูที่จะปล่อยก๊าซออกมาสองครั้ง คือ ตอนที่ผสมกับเนื้อขนมปัง และ อีกครั้งตอนที่โดนความร้อนในเตาอบ
ขนมปังนั้นควรที่จะเก็บไว้ในกล่องเก็บขนมปังเพื่อรักษาความสดใหม่. จริง ๆ แล้ว ขนมปังนั้นสามารถขึ้นราได้ง่ายในอุณหภูมิเย็น

Fédération Française


Shirt badge/Association crest
ฉายาLes Bleus ("น้ำเงิน")
L'Equipe Tricolore ("ทีมสามสี")
ทีมตราไก่ (ฉายาในภาษาไทย)
สมาคมFédération Française
de Football
สมาพันธ์ยูฟ่า (ทวีปยุโรป)
หัวหน้าผู้ฝึกสอนธงชาติของฝรั่งเศส โลรองต์ บลองค์
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนAlain Boghossian
Pierre Mankowski
กัปตันเธียร์รี่ อองรี
ติดทีมชาติสูงสุดลีลียอง ตูราม (142)
ทำประตูสูงสุดเธียร์รี่ อองรี (51)
สนามเหย้าStade de France
รหัสฟีฟ่าFRA
อันดับฟีฟ่า10
อันดับฟีฟ่าสูงสุด1 (พฤษภาคม 2001 – พฤษภาคม 2002)
อันดับฟีฟ่าต่ำสุด25 (เมษายน 1998)
อันดับอีแอลโอ11
อันดับอีแอลโอสูงสุด1 (กรกฎาคม 2007)
อันดับอีแอลโอต่ำสุด44 (พฤษภาคม 1928
กุมภาพันธ์ 1930)
ทีมเหย้า สี
ทีมเยือน สี
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก
ธงชาติของเบลเยียม เบลเยียม 3–3 France ธงชาติของฝรั่งเศส
(บรัสเซลส์, เบลเยียม; 1 พฤษภาคม 1904)
ชนะสูงสุด
ธงชาติของฝรั่งเศส ฝรั่งเศส 10–0 อาเซอร์ไบจาน ธงชาติของอาเซอร์ไบจาน
(โอแซร์, ฝรั่งเศส; 6 กันยายน 1995)
แพ้สูงสุด
ธงชาติของเดนมาร์ก เดนมาร์ก 17–1 ฝรั่งเศส ธงชาติของฝรั่งเศส
(ลอนดอน, อังกฤษ; 22 ตุลาคม 1908)
ฟุตบอลโลก
เข้าร่วม13 (ครั้งแรกใน 1930)
ผลงานดีที่สุดชนะเลิศ, 1998
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
เข้าร่วม7 (ครั้งแรกใน 1960)
ผลงานดีที่สุดชนะเลิศ, 1984 and 2000
Confederations Cup
เข้าร่วม2 (ครั้งแรกใน 2001)
ผลงานดีที่สุดชนะเลิศ, 2001 and 2003
สถิติเหรียญรางวัลโอลิมปิค
ฟุตบอลทีมชาย
เงิน1900 ปารีสทีม
ทอง1984 ลอสแอนเจลิสทีม


Les Trois Mousquetaires

Les Trois Mousquetaires

 
Les Trois Mousquetaires
Dartagnan-musketeers.jpg
AuteurAlexandre Dumas
GenreRoman historique
Pays d'origineFrance
ÉditeurBaudry
Date de parution1844
Chronologie
Vingt ans aprèsVingt ans après  link= Vingt ans après
Les Trois Mousquetaires est un roman d'Alexandre Dumas, initialement publié en feuilleton dans le journal Le Siècle de mars à juillet 1844. Il a été édité en volume dès 1844 aux éditions Baudry et réédité en 1846 chez J. B. Fellens et L. P. Dufour avec des illustrations de Vivant Beaucé.
Le roman raconte les aventures d'un Gascon désargenté de 18 ans, D'Artagnan, venu à Paris pour faire carrière dans le corps des mousquetaires. Il se lie d'amitié avec Athos, Porthos et Aramis, mousquetaires du roi Louis XIII. Ces quatre hommes vont s'opposer au premier ministre, le cardinal de Richelieu et à ses agents, dont le comte de Rochefort et la belle et mystérieuse Milady de Winter, pour sauver l'honneur de la reine de France Anne d'Autriche.
Avec ses nombreux combats et ses rebondissements romanesques, Les Trois Mousquetaires est l'exemple type du roman de cape et d'épée et le succès du roman a été tel que Dumas l'a adapté lui-même au théâtre, et a repris les quatre héros dans deux autres romans Vingt ans après, (1845) et Le Vicomte de Bragelonne (1847-1850) pour former la trilogie des mousquetaires.
Toujours très populaire, ce roman a fait l'objet de très nombreuses adaptations au cinéma et à la télévision.

Épiphanie

.
Épiphanie
L'adoration des Mages peint par Matthias Stom (vers 1600-1650).
L'adoration des Mages peint par Matthias Stom (vers 1600-1650)

Autre nomThéophanie
Observé parles chrétiens
TypeCélébration religieuse
SignificationAdoration des Mages
Date6 janvier
ObservancesGalette des Rois
Lié àNoël
L'Épiphanie désigne aujourd'hui une fête chrétienne qui célèbre le Messie venu et incarné dans le monde et recevant la visite et l'hommage des Rois mages. Elle a lieu le 6 janvier [1]. En France et en Belgique, puisque ce jour n'est pas férié, elle est célébrée le deuxième dimanche suivant Noël.
La fête s'appelle aussi « Théophanie », qui signifie également la « manifestation de Dieu ».
À l'origine et jusqu'à la fin du IVe siècle, L'Épiphanie est la grande et unique fête chrétienne de la «manifestation du Christ dans le monde»
(manifestation exprimée outre la venue des Mages par une suite de différents épisodes: la Nativité, la voix du Père et la présence d'une colombe lors du Baptême sur le Jourdain, le miracle de Cana, etc.)
Depuis l'introduction d'une fête de la Nativité (Noël) le 25 décembre, l'Épiphanie met l'accent sur des sens spécifiques selon les confessions et les cultures.
Depuis le XIXe siècle on l'appelle aussi le Jour des Rois en référence directe à la venue et à l'adoration des Rois mages

La Chandeleur

         La Chandeleur

Voici venir la Chandeleur, au deuxième jour de février.

Mais qu'est la chandeleur demande le jeune enfant qui entend pour la première fois ce terme?
La Chandeleur! répondons-nous tous en choeur c'est le jour des crêpes, des crêpes que l'on prépare entre amis, ou entre parents et que l'on fait sauter ou que l'on tourne dans la poêle tout en tenant dans la main une pièce en or, parce que réussir cette acrobatie porte bonheur dit le dicton... que plus personne ne croit. Mais combien sommes-nous à essayer quand même, des fois que... pour que l'argent ne manque pas durant l'année à venir, pour que les maladies nous épargnent...
NB il est aussi possible pour appeler la prospérité de faire atterrir la crêpe sur l'armoire et de l'y laisser toute l'année.
                                    วันชาติสหรัฐอเมริกาวันฉลองอิสรภาพ สหรัฐอเมริกา 4 ก.ค. ในฤดูร้อนของปี ค.ศ.1776 ผู้แทนของอาณานิคมอังกฤษทั้ง13 แห่ง ในอเมริกาเหนือได้มารวมกันที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพลซิลเวเนีย เพื่อหารืออภิปรายกันในข้อเสนอที่อาจหาญว่า "อาณานิคมที่ผนึกเข้าด้วยกันนี้ล้วนแต่เป็นรัฐอิสระและเป็นเอกราช แล้ว โดยสิทธิก็ควรจะเป็นเช่นนั้น" ในขณะที่ผู้แทนจากอาณานิคม กำลังประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวอยู่นั้น คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 5 คนนำโดย โธมัส เจฟเฟอร์สัน ได้เอกสารขึ้นฉบับหนึ่งซึ่งเรียกกันในเวลาต่อมาว่า "คำประกาศอิสระภาพ"

ใน การประกาศให้ชาวโลกได้ทราบถึงการประกาศตนเป็นเอกราชนั้น คำประกาศได้วางหลักการและเหตุผลในการก่อตั้งประเทศใหม่ว่า "เราถือว่าความจริงต่อไปนี้มีความหมายประจักษ์ชัดในตัวเอง คือ มนุษย์ทุกคนล้วนถือกำเนิดเกิดมาเท่าเทียมกัน และต่างได้รับสิทธิบางประการที่อาจมอบโอนกันได้จากประทานของผู้สร้าง ซึ่งในบรรดาสิทธิเหล่านี้มีสิทธิในชีวิตเสรีภาพ และการแสวงหาความสุขเป็นอาทิ" บรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมที่ฟิลาเดลเฟียได้ออกเสียงลงมติเห็นชอบกับคำ ประกาศอิสรภาพ ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 วันดังกล่าวจึงถือว่าเป็นวันกำเนิดอย่างเป็นทางการของสหรัฐอเมริกานับแต่ นั้นเป็นต้นมา

งานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นกันเองโดยมิได้วางแผนหรือนัด หมายกันมาก่อนได้มีขึ้นเป็นครั้งแรกในวันครบรอบของปีถัดมา ในฟิลลาเดลเฟียชาวเมืองเฉลิมฉลองกันด้วย การเคาะระฆัง เล่นรอบกองไฟและจุดดอกไม้ไฟ เรือที่ทอดสมออยู่ที่ท่ายิงสลุต 13 นัด ประชาชนจุดประทีปโคมไฟโดยใช้เทียนประดับตกแต่งไว้ตามหน้าต่างให้บ้านเรือน ของตนสว่างไสว พอถึงปีค.ศ. 1810 เมืองใหญ่ๆของสหรัฐอเมริกาทั้งหมดต่างก็จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างมีพิธืรีตอง อันเป็นประเพณีที่ปฎิบัติสืบต่อกันมาตราบเท่าทุกวันนี้ แม้ว่าหลายพื้นที่จะเอาประเพณีท้องถิ่นของตนเข้าไปผสมผสานด้วย แต่รูปแบบของการสนุกสนานรื่นเริงในการเฉลิมฉลองวันชาติทั่วสหรัฐ ที่จะขาดเสียมิได้ก็คือ การเดินพาเหรด การแสดงของวงดนตรี การแข่งกีฬา การไปปิกนิกและการจุดดอกไม้ไฟ ทุกหนแห่ง นับตั้งแต่เมืองเล็กๆ ชุมชนการเกษตร ไปถึงนครใหญ่ๆ

ชาวอเมริกันจะประดับประดาธงชาติของตน ด้วยความภาคภูมิใจในการเฉลิมฉลองเสรีภาพและประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นมรดกของชาติร่วมกัน ด้านประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐเมริกาคนที่43 ได้มีแถลงการณ์เนื่องในโอกาสวันฉลองอิสรภาพ 4 ก.ค. โดยส่งความปรารถนาดีแด่ชาวอเมริกัน เรียกร้องให้ชาวอเมริกันผนึกกำลังเพื่อความเป็นเอกภาพแห่งชาติและชื่นชมใน สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์ ความรักต่อครอบครัว มิตรสหายและเสรีภาพ

จากประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่เกิดขึ้นมาช้านาน ชาวอเมริกันพยายามอย่างยิ่งยวดในอันที่จะสร้างประเทศที่ให้เสรีภาพ สันติภาพ และโอกาสแด่ทุกคน ขณะเดียวกันเราก็พยายาม ที่จะผลักดันเมฆหมอกแห่งความเลวร้ายให้ออกไปจากประเทศของเรา และประชาคมโลก ซึ่งเราขอยืนยันว่าจะสานต่อเจตนารมณ์แห่งบรรพบุรุษที่ได้สร้างไว้คือ มรดกแห่งอิสรภาพ นอกจากนั้น เรายังขอยกย่องหทารหาญ ซึ่งได้อุทิศตัวเพื่อปกป้องประเทศชาติไว้

สหรัฐอเมริกาและประเทศไทย เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาเป็นเวลา 169 ปีแล้ว และประชาคมระหว่างประเทศยังคงแนบแน่นเช่นเคย ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับการเดินทางไปเยือนสหรัฐเมื่อปีที่แล้วของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างมากและได้มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคงความผูกพันทางวัฒนธรรมของชาวไทยและอเมริกันยังคงเพิ่มขึ้น เรื่อยๆคนไทยหลายพันคนที่ได้เข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจ ศึกษาเล่าเรียน และเยี่ยมชมประเทศ หรือเข้ามารับใช้ร่วมกับโครงการ Peace Corps อย่างที่ข้าพเจ้าได้เข้ามาเมื่อกว่า40ปีที่แล้ว ในตอนนั้น ข้าพเจ้าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่จังหวัดลำพูน ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจเป็ฯอย่างยิ่งในการกลับมายังประเทศไทยในฐานะฑูตสห รัฐอเมริก าและได้เห็นว่ามิตรภาพของเรานั้นได้เจริญเติบโตยิ่งขึ้น มิตรภาพดังกล่าวเพิ่มพูนขึ้นภายหลังการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ในนครนิวยอร์กและ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชทานสาสน์ถึงประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แสดงความเสียพระทัยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ได้ส่งสารแสดงความเสียใจในนามของรัฐบาลไทยด้วย
ข้อ ความในพระราชสาสน์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสะท้อนถึงความสนับสนุนแก่ นานาชาติ ในการนำเสรีภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาสู่ประชาชน ชาวอัฟกานิสถาน

ไทยยังได้ร่วมมือกับสหรัฐในอีกหลายๆด้านเพื่อต่อสู้ กับการก่อการร้ายระหว่างประเทศ สหรัฐยินดีที่มีไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการทำสงครามกับก่อการร้าย สารจาก นายแดร์ริล เอ็น. จอห์นสัน เอกอัครราชฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสวันที่ 4 ก.ค.ว่า วันที่4 ก.ค.นี้จะเป็นวันครบรอบ 226 ปี ที่บรรพบุรุษของเรา ได้ลงนามประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะร่วมฉลองในโอกาสนี้กับประชาชนชาวไทย และกับชาติอื่นๆในประเทศไทย วันที่ 4 ก.ค. นี้เป็นวันที่ชาวอเมริกันร่วมเฉลิมฉลองและรำลึกถึงหลักการแห่งประชาธิปไตย และเสรีภาพ ซึ่งเป็นหลักการที่ผู้คนนับล้านๆ คนทั่วโลกยึดถือ และปีนี้ถือเป็นปีสำคัญ เป็นพิเศษในการเฉลิมฉลองเสรีภาพและประชาธิปไตยในประเทศไทย เมื่อพ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นเวลา 70 ปีมาแล้ว ที่ชาวไทย ได้เปลี่ยนระบอบประชาธิปไตย ในช่วงเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ประชาธิปไตยเป็นค่านิยมประการหนึ่งที่ประชาชนของเรายึดถือร่วมกันมา

ประวัติ นายแดร์ริล เอ็น. จอห์นสัน เอกอัครราชฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย นายจอห์นสัน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2544 และเริ่มปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวเมื่อ วันที่ 27 ธ.ค. 2544 ก่อนหน้านี้ เอกอัครราชทูตจอห์นสัน เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยรับผิดชอบเรื่องที่เกี่ยวกับจีนและมองโกเลีย ก่อนเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ

ในปี พ.ศ.2508 นายจอห์นสัน เคยเป็นอาสาสมัครของหน่วยสันติภาพของสหรัฐ ( Peace Corps ) ในประเทศไทย
โดย เป็นครูสอนภาษาที่จังหวัดลำพูน นายจอห์นสัน เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ปฎบัติราชการในต่างประเทศ มาแล้วหลายประเทศเช่นที่ อินเดีย,ฮ่องกง,รัสเซีย,โปแลนด์ และลิธัวเนีย นายจอห์นสัน จบการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จาก University of Washington และเคยศึกษาที่ University of Puget Sound, University of Minnesota และ Princeton University เขาได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในสมาชิก สมาคม Phi Beta Kappa ซึ่งเป็นสมาคมของนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม และได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสมาคมอื่นๆที่เกี่ยวกับการศึกษาทางทหาร ดนตรี และวรรณคดี นายจอห์นสันสามารถพูด ภาษาไทย ภาษจีนกลาง ภาษารัสเซีย ภาษาโปแลนด์ ได้ดี และสามารถพูด ภาษาลิธัวเนียได้เล็กน้อย นายจอห์นสันสมรสกับนางแคธลีน เดซาฟอรานซ์ และมีบุตรสาวหนึ่งคนคือ ดาราวรรณ (เกิดในประเทศไทย) บุตรชายฝาแฝดสองคน คือ ลอเร็นและเกรกอรี (เกิดที่อินเดีย) และมีหลาน 2 คน นายจอห์นสันมีถิ่นพำนักอยู่ที่เมือง ซีแอ็ตเติล รัฐวอชิงตัน


ข้อมูลจำเพาะ ประเทศสหรัฐอเมริกา
พื้นที่ 3,535,000 ตร.ไมล์
ประชากร 278,058,881 คน
ระบอบการปกครอง ประชาธิปไตย
ประมุขแห่งรัฐและรัฐบาล
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยูบุช เกิด 6 ก.ค. 2489
เข้ารับตำแหน่ง 20 ม.ค. 2544
สกุลเงิน ดอลลาร์

Pourquoi fête-t-on le 11 novembre en France ?

Nov 11th, 2010 | By Sarah | Category: Français


Le 11 novembre est un jour férié en France. Ce jour-là, les fanfares défilent dans les rues et les citoyens se retrouvent pour une cérémonie autour des monuments aux morts de chaque ville. Mais que célèbre-t-on donc le 11 novembre ? Ce jour est appelé le « jour du souvenir » ou « jour de l’armistice » car c’est à ce moment-là que l’on commémore l’armistice qui a mis fin à la Première Guerre mondiale en 1918. Par extension, on commémore aussi ce jour-là les sacrifices d’autres guerres que la Première Guerre mondiale.
Une cérémonie a lieu dans chaque commune, généralement en présence du maire et de plusieurs personnalités politiques. Les citoyens défilent derrière la fanfare dans les rues de la ville, puis s’arrêtent devant le monument aux morts, si la ville en a un, à 11h. C’est en effet à 11h, le 11ème jour du 11ème mois, que l’armistice a été rendu effectif, et cet horaire symbolique a été maintenu pour la fête commémorative. Une fois devant le monument aux morts, le maire ou une autre personnalité fait un discours et cite les noms des soldats de la ville morts au combat pendant la Première Guerre mondiale. Après chaque nom, les citoyens répètent à l’unisson « mort pour la France ».
Quelques fois en France, mais surtout dans les pays anglo-saxons, les citoyens portent des coquelicots sur le revers de leurs vestes. Le coquelicot symbolise en effet les soldats morts au combat, car, après un combat, les champs, nus auparavant, se recouvrent de ces fleurs rouges sous l’effet de la poussière de chaux laissée par les bombardements. En France, le bleuet était aussi utilisé car il rappelait la couleur des uniformes des soldats français pendant la guerre, mais cette tradition a été perdue peu à peu.
Le 11 novembre est aussi l’occasion de rendre hommage au soldat inconnu, un corps non identifié tué pendant la Première Guerre mondiale et maintenant enterré sous l’Arc de Triomphe. Symboliquement, c’est une façon de se souvenir de tous les soldats, même si l’on ne sait pas qui ils sont, qui sont morts au combat lors de cette guerre.
Maintenant, la guerre étant loin, le 11 novembre est une occasion de prendre le temps de se souvenir des horreurs du siècle dernier et de mieux comprendre l’histoire.