วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฤดูกาลในประเทศไทย

1. ฤดูหนาว

เป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดเข้ามาสู่ไทย    ระยะเวลาประมาณ สี่เดือน  อากาศโดยทั่วไปค่อนข้างเย็น  ยกเว้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นที่สูง  จะมีอากาศหนาวกว่าภาคอื่นๆ  ช่วงเดือน  พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์

2.ฤดูร้อน
เป็นช่วงที่ลมมรสุมกระแสลมทะเลจีนใต้พัดเข้ามา สู่ประเทศไทยจากทางทิศใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้  ระยะเวลาประมาณ สามเดือน  ในระยะนี้ดวงอาทิตย์ได้โคจรส่องแสงมาตั้งฉากกับประเทศพอดี  ทำให้อากาศร้อนอบอ้าว   โดยเฉพาะเดือนเมษายนจะอุณหภูมิสูงสุดของปี ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

3.ฤดูฝนเป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกพัดเข้ามาสู่ประเทศไทย  ระยะเวลาประมาณ 5 เดือนอากาศโดยทั่วไปจะชุ่มชื้น   และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศ  โดยฝนตกชุกในเดือนสิงหาคม-กันยายน
หน้าฝนจะอยุ่ในช่วงเดือน  มิถุนายนถึงตุลาคม


สัญญาณหรือสาเหตุที่ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลง

1.กระแสลมและฝนกระแสลม คือ  การเคลื่อนที่ของมวลอากาศที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา เพราะในบริเวณต่างๆมีความกดอากาศไม่เท่ากัน  กล่าวคือถ้าบริเวณใดได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์มาก  อากาศบริเวณนั้นก็จะร้อนมีความกดอากาศต่ำและขยายตัวลอยสูงขึ้น อากาศจากบริเวณอื่นซึ่งมีความกดอากาศสูงกว่าและมีอุณหภูมิต่ำกว่าก็เคลื่อนเข้ามาแทนที่  เราจึงเรียกอากาศที่เคลื่อนที่นี้เรียกว่ากระแสลม
ฝน เกิดจากการเคลื่อนที่ของลมจากที่ที่มีความกดอากาศต่ำกว่าและถ้ากระแสลมเคลื่อนที่ผ่านทะเลหรือมหาสุมทร ก็จะหอบเอาความชื้นและละอองน้ำไปเมื่อมากระทบกับความเย็นก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ  ตกลงมาเป็นฝน

2.ความกดอากาศ
เนื่องจาก พื้นโลกแต่ละแห่งมีค่าความกดอากาศไม่เท่ากัน  รวมทั้งความกดอากาศก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอกเวลาขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศนี้  จะส่งผลต่อสภาพอากาศ ทำให้อากาศมักจะแปรปรวนในบริเวณที่กดอากาศต่ำ   เช่น  เกิดลมพายุ มีฝนตกหนัก และอากาศค่อนข้างเย็นบริเวณที่มีความกดอากาศสูง  เช่น ท้องฟ้าแจ่มใส  ไม่มีเมฆฝน ส่วนเครื่องมือที่ใช้วัดความกดอากาศ  เรียกว่า  บารอมิเตอร์  และบารอกราฟ

3)อุณหภูมิ
คือ  ระดับความหนาว   ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ  เช่นกลางวัน  อุณหภูมิ จะสูงกว่าเวลากลางคืน    เพราะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์  ทำให้กลางวันมีอากาศร้อน นอกจากนี้อุณหภูมิเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ได้แก่  ลม  พายุ  หมอก  น้ำค้าง  เมฆ

4) ความชื้น ความชื้น  คือ  ปริมาณไอน้ำในอากาศ  หรือความสามารถของอากาศที่จะรับไอน้ำเอาไว้ได้  ซึ่งความชื้นนี้จะเปลี่ยนไปตามวัน  เวลา  และสถานที่

ความชื่นในอากาศ  มีความสัมพันธ์กับการดำเนินชีวิตของเรา เช่น  วันที่อากาศชื้น  เราจะรู้สึกเหนียวตัวและอึดอัด  เพราะมีอากาศมีความชื้นมากทำให้รับปริมาณไอน้ำได้น้อย  เหงื่อของเราก็ระเหยได้น้อย  แต่ถ้าวันที่อากาศแห้ง  เราจะรู้สึกเย็นจนบางครั้งทำให้ผิวหนังแห้งและแตกเนื่องจากเหงื่อของเราระเหยได้มาก เครื่องวัดความชื้นในอากาศ  เรียกว่า  ไฮกรอมิเตอร์(Hygrometer) ที่นิยมใช้คือแบบกระเปาะเปียก-กระเปาะแห้ง

ลมต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยลม  คือ มวลอากาศที่เคลื่อนที่  โดยมวลอากาศนี้จะเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำไปสู่บริเวณที่มีอุณหภูมิสูงเสมอ
ประเภทของลมมี  3  ประเภท คือ

1. ลมประจำเวลา 
ลมบก    เกิดเวลากลางคืน  ลักษณะการเกิด  เป็นลมที่พัดจากฝั่งสู่ทะเล  เนื่องจากพื้นดินคลายความร้อนได้เร็วกว่าน้ำ  ทำให้อุณหภูมิของอากาศเหนือผิวน้ำสูงกว่าพื้นดิน  มวลอากศจึงเคลื่อนจากฝั่งสู่ทะเล
ลมทะเล  เกิดในเวลากลางวัน   ลักษณะการเกิด   เป็นลมที่พัดจากทะเลสู่ฝั่ง  เนื่องจากพื้นดินรับความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้เร็วกว่าน้ำทำให้อุณหภูมิของอากาศเกหนือพื้นดินสูงกว่าพื้นน้ำมวลอากาศเย็นจากทะเลจึงเคลื่อนเข้าสู่ฝั่ง

2.ลมประจำฤดู  ลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้  หรือลมมรสุมฤดูร้อน   พัดจากมหาสุมทรอินเดียขึ้นสู่ทวีปเอเชีย โดยพัดผ่านประเทศไทยช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน   ซึ่งขณะที่ลมมรสุมนี้พัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย  ก็นำไอน้ำหรือความชื้นจากบริเวณนั้นมาสู่บริเวณที่พัดผ่าน  ทำให้มีฝนตก
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ   หรือลมมรสุมฤดูหนาวพัดจากประเทศจีนลงมาจนถึงบริเวณอ่าวไทยตอนใต้  โดยจะพัดในราวเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งบริเวณประเทศจีนจะมีอากาศเย็นมากทำให้ลมมรสุมนี้พัดเอาอากาศเย็นมาด้วย  เมื่อพัดผ่านบริเวณใดบริเวณนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นมาก

3.ลมประจำถิ่น
ลมตะเภา  เป็นลมที่พัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน     เนื่องจากอุณหภูมิของอากาศบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือค่อนข้างสูงทำให้เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำส่วนบริเวณอ่าวไทยอากาศจะเย็นกว่า  มีลักษณะเป็นหย่อมความกดอากาศสูง จึงทำให้มวลอากาศเคลื่อนที่จากอ่าวไทยเข้าสู่ดิน   ถึงแม้ลมที่พัดมานี้จะมีความแรงไม่มาก  แต่ก็ช่วยบรรเทาความร้อนในอากาศในช่วงฤดูร้อนไปได้บ้าง    ในสมัยก่อนพ่อค้าเรือสำเภาได้อาศัยลมตะเภาแล่นใบพาเรือมาเข้าสู่ปากอ่าวไทยได้สะดวก  จึงขนามนามเรียกนี้ว่า  ลมตะเภา
ลมว่าว   เป็นลมที่พัดลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน   เนื่องจากการเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำชั่วคราวขึ้นในแถบอ่าวไทย  ทำให้มวลอากาศจากพื้นดินเคลื่อนออกสู่ทะเล    ลมว่าว  ถือเป็นลมเย็นเวลาที่พัดผ่านมาจึงทำให้อุณภูมิของอากาศต่ำลง   ลมว่าว  จะพัดในช่วงที่ข้าวเบา กำลังออกรวงจึงเรียกลมนี้อีกอย่างว่า  ลมข้าวเบา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น